Private PPA โซลาร์เซลล์สำหรับภาคอุตสาหกรรม ด้วยต้นทุน 0 บาท

อ่านสรุปสั้นๆ ตรงนี้

Private PPA คืออะไร? ทำไมองค์กรชั้นนำถึงเลือกใช้

PPA (Power Purchase Agreement) คือ สัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ผู้พัฒนาโครงการโซลาร์ (Developer) เป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ตั้งแต่งานออกแบบ (Design), จัดหา (Procurement), ติดตั้ง (Construction), ไปจนถึงการเดินระบบและบำรุงรักษา (O&M) ส่วนฝั่งผู้ใช้งาน (Off-taker) จะชำระค่าไฟฟ้าที่ผลิตได้จากระบบ ตามอัตราและระยะเวลาที่ระบุในสัญญา

จุดเด่นที่สำคัญของการติดตั้งโซลาร์เซลล์ แบบ PPA สำหรับภาคอุตสาหกรรม

• Zero-Capex: ไม่ต้องลงทุนเอง ทำให้ผ่านการอนุมัติโครงการได้ง่ายและเร็ว
• ลดและตรึงต้นทุนพลังงาน: อัตราซื้อไฟถูกออกแบบให้แข่งขันได้ เมื่อเทียบกับค่าไฟจากการไฟฟ้า และช่วยคาดการณ์ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
• ยกภาระความเสี่ยงด้านเทคนิคให้ผู้เชี่ยวชาญ: ผู้พัฒนารับผิดชอบประสิทธิภาพระบบและการบำรุงรักษาในสัญญา
• สนับสนุนเป้าหมาย ESG/ลดคาร์บอน: ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar cell) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตอบโจทย์ซัพพลายเชนนานาชาติ

Remark: รายละเอียดเชิงพาณิชย์ (เช่น อัตรา PPA, อัตราค่าไฟฟ้า, ระยะสัญญา, SLA และเกณฑ์ประกันประสิทธิภาพ) ต้องพิจารณาเป็นรายไซต์ และเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสัญญาจริง

ติดโซลาร์เซลล์โรงงาน แบบไม่ต้องลงทุน คลิก

ใคร “เหมาะ” กับ solar cell PPA มากที่สุด

องค์กรที่เมื่อติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้วเห็นผลชัดเจน

• โรงงาน คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า ที่ใช้ไฟช่วงกลางวันต่อเนื่อง (Base load)
• พื้นที่หลังคามาก และโครงสร้างพร้อม รองรับน้ำหนักและแรงลมตามมาตรฐาน
• รู้ถึงประโยชน์ของโซลาร์เซลล์ ว่าช่วยประหยัดพลังงาน แต่ยังไม่อยากลงทุน
• ต้องการบริหารกระแสเงินสด เน้นผลลัพธ์เชิงค่าไฟ “ตั้งแต่เดือนแรกที่ติดตั้งเสร็จ”
• มีข้อกำหนดด้านความยั่งยืน หรือถูกซัพพลายเชนขอข้อมูลพลังงานหมุนเวียน และ carbon footprint

เคสที่ควรพิจารณาเพิ่ม

• โหลดไฟฟ้าสวิงมาก/ใช้ไฟกลางคืนเป็นหลัก → อาจต้องวิเคราะห์ Hybrid solution หรือค่อย ๆ เริ่มที่สัดส่วนเหมาะสม
• หลังคาเก่าหรือมีปัญหารั่วซึม/สนิม → ต้องวางแผนซ่อมปรับปรุงก่อน เพื่อความปลอดภัยและอายุใช้งานระบบ
• พื้นที่โดนเงาบดบังมาก (ชั้นดาดฟ้าที่มีอุปกรณ์หนาแน่น) → ต้องออกแบบละเอียดและจำลองเงา (Shading analysis)

Private PPA vs EPC แบบไหนเหมาะกับคุณมากกว่ากัน

หัวข้อ	PPA	EPC (จ้างติดตั้ง–เป็นเจ้าของเอง)
เงินลงทุน	ไม่ต้องใช้เงินก้อน (Zero-Capex)	ใช้เงินลงทุนจำนวนมาก
ความเสี่ยงเทคนิค/ ประสิทธิภาพ	ผู้พัฒนาเป็นเจ้าของระบบ ยกภาระในด้าน operation และ maintenance ให้ผู้พัฒนา	เจ้าของโครงการรับความเสี่ยงเอง
กระแสเงินสด	ชำระเฉพาะไฟที่ผลิตได้จากระบบโซลาร์เซลล์	ประหยัดค่าไฟ แต่มีค่าเสื่อมค่า operation และ maintenance
ความคล่องตัวในการเริ่มโครงการ	เริ่มง่าย อนุมัติเร็ว	ต้องผ่านงบลงทุนและการจัดซื้อ
ความเป็นเจ้าของสินทรัพย์	เป็นของผู้พัฒนา (ระหว่างอายุสัญญา)	เป็นของเจ้าของโครงการตั้งแต่ต้น
ความโปร่งใสด้านราคาไฟ	อัตรา/เงื่อนไขอยู่ในสัญญา PPA	ประหยัดตามประสิทธิภาพที่ได้จริง
ภาระดูแลระยะยาว	ผู้พัฒนารับผิดชอบ ค่า operation และ maintenance	เจ้าของอาคารดูแลเอง/ว่าจ้างแยก

• หากองค์กรต้องการเริ่มเร็ว ไม่ใช้เงินก้อนในการลงทุน และไม่ต้องรับความเสี่ยง → Private PPA ตอบโจทย์
• หากองค์กรต้องการเป็นเจ้าของสินทรัพย์และต้องการผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาว → EPC อาจเหมาะกว่า

ความเสี่ยง และข้อจำกัด

• โครงสร้างไม่พร้อม/หลังคาเก่า: วางแผนซ่อม/เสริมก่อนติดตั้ง พร้อมบันทึกภาพและรายการวัสดุ
• เงา/ฝุ่น/สภาพแวดล้อมพิเศษ: ออกแบบเว้นระยะ, เพิ่มการล้างแผง, หรือปรับผังวางแผงเพื่อลดผลกระทบ
• การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์อาจรบกวนการดำเนินกิจการ: เราออกแบบแผนงานเป็นเฟส, กำหนดโซนงาน & เวลาทำงานชัดเจน เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินกิจการ

ขอประเมินศักยภาพโซลาร์ PPA ฟรี คลิก

ขั้นตอนทำงานแบบ End-to-End กับ Loxcons

1. Pre-screen (15–30 นาที)
   ส่งบิลค่าไฟ 6–12 เดือน + ภาพรวมไซต์ + ขนาดพื้นที่หลังคาโดยประมาณ เพื่อประเมินศักยภาพเบื้องต้น
2. Site Survey & Structural Check
   สำรวจหลังคา/โครงสร้าง, ตรวจรอยรั่ว–สนิม, ตรวจเส้นทางเดินสาย, จุดติดตั้งอุปกรณ์ และข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
3. Concept Design & Energy Simulation
   จัดวางผังแผง (Layout), มุมเอียง/ทิศ, วัดเงาบดบัง, จำลองพลังงานที่คาดว่าจะผลิตได้ (Yield)
4. Commercial Proposal (PPA)
   เสนออัตรา PPA, เงื่อนไขสัญญา, ระยะเวลา, SLA, KPI ประสิทธิภาพ และแผน O&M
5. Permitting & HSE Plan
   จัดการด้านอนุญาต/ประสานงานพื้นที่ วางแผนความปลอดภัย
6. Installation & Commissioning
   ติดตั้งโดยทีมที่ได้รับการอบรมตามมาตรฐาน ตรวจสอบและทดสอบระบบ (Pre-commission/Commission) ก่อนส่งมอบ
7. Handover: As-built & Training
   ส่งมอบแบบและเอกสาร, อบรมทีมลูกค้า, เซ็ตระบบ Monitoring และช่องทางแจ้งปัญหา
8. Operation & Maintenance (O&M)
   ล้างแผงตามรอบ, ตรวจความต้านทานกราวด์, ตรวจจุดต่อด้วยกล้องเทอร์มอล, อัปเดตรายงาน KPI รายเดือน/ไตรมาส

สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับหลังส่งมอบ (Deliverables)

• แบบ As-built ครบชุด (ผังแผง, เส้นทางเดินสาย, จุดติดตั้งอุปกรณ์)
• คู่มือ O&M ตารางดูแล/รายการอะไหล่/วิธีปฏิบัติกรณีฉุกเฉิน
• ใบรับประกัน/เอกสารมาตรฐาน จากผู้ผลิตอุปกรณ์
• บัญชีผู้ใช้ระบบ Monitoring พร้อมวิธีอ่านค่า KPI ที่สำคัญ
• รายการตรวจรับ (Punch list) & บันทึกการทดสอบ (Commissioning report)

กรณีตัวอย่างเพื่อเห็นภาพ

• Scenario A: คลังสินค้าทั่วไป 10,000 ตร.ม.
  โหลดกลางวันต่อเนื่อง พื้นที่หลังคากว้าง เงาบดบังน้อย PPA ช่วยลดค่าไฟได้ทันทีโดยไม่ใช้เงินลงทุน เริ่มเห็นส่วนต่างตั้งแต่บิลเดือนแรก และตัวเลขคุ้มค่าเพิ่มขึ้นเมื่อรวมประโยชน์จากการบำรุงรักษาที่เป็นหน้าที่ผู้พัฒนา
• Scenario B: โรงงานเก่า–หลังคามีสนิม/รั่วซึมบางจุด
  ก่อนติดตั้ง ต้องจัดลำดับงานซ่อมหลังคา/เปลี่ยนแผ่นบางส่วน จากนั้นออกแบบจุดยึดที่ลดการเจาะแผ่น ใช้ซีลและวัสดุรองมาตรฐานสูง พร้อมจัดทำทางเดินเพื่อบำรุงรักษาในอนาคต
• Scenario C: โกดังที่มีอุปกรณ์บนหลังคาแน่น (เงาเยอะ)
  ทำ Shading analysis และจำลองพลังงาน ปรับผังวางแผงหลบเงา เพิ่มจำนวน String/MPPT ให้เหมาะสม และกำหนดรอบล้างแผงถี่ขึ้น

เอกสาร และข้อมูลที่ควรเตรียมก่อนเริ่มโครงการ

• บิลค่าไฟ 6–12 เดือนล่าสุด (ไฟฟ้ากลางวัน/กลางคืน, Demand charge ถ้ามี)
• แบบสถาปัตย์/โครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับหลังคา (ถ้ามี)
• ภาพถ่าย/วิดีโอพื้นที่จริง โดยเฉพาะบริเวณจุดเสี่ยงรั่วซึม/สนิม
• ข้อมูลข้อกำหนดภายในไซต์: เวลาทำงาน, ข้อห้าม, จุดโหลด/ยกของ, พื้นที่กักเก็บอุปกรณ์
• ผู้ประสานงานด้าน HSE/ไฟฟ้า/ซ่อมบำรุงของโรงงาน

มุมมองด้าน ESG และการรายงานด้าน carbon

• ระบุสัดส่วนไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ผลิต และใช้จริง
• ข้อมูลสำหรับรายงาน Scope 2 และข้อกำหนดของลูกค้าต่างประเทศ
• เก็บบันทึกการบำรุงรักษา ความพร้อมระบบเป็นหลักฐานต่อการตรวจประเมิน

Frequently Asked Questions (FAQ)