Geotextile คืออะไร? สิ่งที่ควรรู้ด้านวิศวกรรมเมื่อต้องการเลือกประเภท Geotextile

geotextile

Geotextile (จีโอเท็กซ์ไทล์) คือ วัสดุสิ่งทอที่ใช้ในงานวิศวกรรมโยธาและงานก่อสร้าง มีหน้าที่หลักในการปรับปรุงคุณสมบัติของดินและช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับโครงสร้างพื้นฐาน วัสดุชนิดนี้ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ เช่น โพลีโพรพิลีน (Polypropylene) หรือโพลีเอสเตอร์ (Polyester) โดยมีความทนทานและความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

ประเภทของจีโอเท็กซ์ไทล์

แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่

Woven Geotextile (ชนิดทอ)

ลักษณะ

  • ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ที่ถูกทอเป็นลายตาข่าย (Weaving)
  • มีพื้นผิวเรียบและลักษณะของลวดลายที่เกิดจากการทออย่างชัดเจน
  • มักมีรูปร่างและขนาดของช่องว่างระหว่างเส้นใยที่แน่นหนา

คุณสมบัติเด่น

  1. ความแข็งแรงสูง
    • รองรับแรงดึงได้ดี ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องรับน้ำหนักหรือแรงดึงมาก เช่น งานถนนหรือรางรถไฟ
  2. ความทนทาน
    • มีอายุการใช้งานยาวนาน และทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
  3. การกระจายแรง
    • สามารถช่วยกระจายน้ำหนักในงานโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและทางวิ่งสนามบิน

การใช้งาน

  • เสริมกำลังดิน (Reinforcement)
    ใช้ในงานถนน โครงสร้างกำแพงกันดิน (Retaining Wall) และเขื่อน
  • แยกชั้นดิน (Separation)
    ใช้ป้องกันการปนเปื้อนของชั้นวัสดุต่าง ๆ เช่น ชั้นทรายและชั้นดินเหนียว
  • ลดการทรุดตัว (Load Distribution)
    ช่วยลดการทรุดตัวของดินในพื้นที่อ่อน เช่น การสร้างถนนบนดินโคลน

Non-Woven Geotextile (ชนิดไม่ทอ)

ลักษณะ

  • ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ที่ถูกยึดติดกันโดยกระบวนการ อัดร้อน (Heat Bonding) หรือ เข็มเจาะ (Needle Punching)
  • มีลักษณะคล้ายแผ่นผ้าฟูและไม่มีลวดลายที่ชัดเจนเหมือน Woven

คุณสมบัติเด่น

  1. การซึมน้ำดี
    • ช่วยให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ดี แต่ป้องกันการเคลื่อนตัวของอนุภาคดิน
  2. ความยืดหยุ่นสูง
    • รองรับการเคลื่อนตัวของดินได้ดี ช่วยลดแรงกระแทก
  3. ต้นทุนต่ำ
    • มักมีราคาถูกกว่าจีโอเท็กซ์ไทล์ประเภท Woven  เหมาะสำหรับงานที่ไม่ได้ต้องการความแข็งแรงสูง

การใช้งาน

  • งานกรอง (Filtration)
    ใช้ในการกรองดินในงานระบบระบายน้ำ เช่น การป้องกันการไหลของอนุภาคดินเข้าสู่ท่อระบายน้ำ
  • งานระบายน้ำ (Drainage)
    เช่น ระบบป้องกันน้ำท่วมใต้ดินหรือการระบายน้ำจากชั้นดิน
  • ป้องกันการกัดเซาะ (Erosion Control)
    เช่น การป้องกันการพังของตลิ่งหรือชายฝั่งทะเล

หน้าที่ของ Geotextile

  1. การกรอง (Filtration)
    ช่วยป้องกันการเคลื่อนตัวของดินในขณะที่ให้น้ำไหลผ่านได้ เช่น งานป้องกันตลิ่งพัง
  2. การระบายน้ำ (Drainage)
    ช่วยระบายน้ำจากดิน เพื่อป้องกันการสะสมของน้ำใต้ดิน
  3. การเสริมกำลัง (Reinforcement)
    ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของดินและลดการทรุดตัว
  4. การป้องกัน (Separation)
    ป้องกันการผสมของชั้นดินและวัสดุ เช่น การปูรองถนน
  5. การป้องกันการกัดเซาะ (Erosion Control)
    ช่วยลดการพังทลายของดินบริเวณตลิ่งและชายฝั่ง

สิ่งที่ควรรู้ด้านวิศวกรรมเมื่อต้องการเลือกประเภท Geotextile

1. วัตถุประสงค์การใช้งาน (Purpose of Application)

เลือกประเภทจีโอเท็กซ์ไทล์ตามหน้าที่หลักในโครงการ เช่น

  • การกรอง (Filtration) หากต้องการป้องกันการไหลของอนุภาคดินในขณะที่ให้น้ำไหลผ่าน เช่น ในงานตลิ่งหรืองานระบายน้ำ ควรเลือกจีโอเท็กซ์ไทล์ประเภท Non-Woven 
  • การเสริมกำลัง (Reinforcement) หากต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับดิน เช่น การสร้างถนนหรือรางรถไฟ ควรใช้จีโอเท็กซ์ไทล์ประเภท Woven 
  • การแยกชั้นดิน (Separation) ใช้สำหรับแยกชั้นดินหรือวัสดุ เช่น การปูพื้นถนน ควรเลือกจีโอเท็กซ์ไทล์ประเภท Non-Woven 

2. คุณสมบัติเชิงกลและทางกายภาพ (Mechanical and Physical Properties)

จีโอเท็กซ์ไทล์แต่ละประเภทมีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ซึ่งควรพิจารณาค่าเหล่านี้

  • ความต้านทานแรงดึง (Tensile Strength) ควรเลือกวัสดุที่ทนแรงดึงได้ดีในกรณีที่ต้องรับแรงมาก เช่น งานดินถมถนน
  • การยืดตัว (Elongation) ควรเลือกวัสดุที่มีการยืดตัวเหมาะสม เพื่อรองรับการเคลื่อนตัวของดิน
  • การซึมน้ำ (Permeability) หากงานต้องการให้มีการระบายน้ำดี เช่น งานระบายน้ำใต้ดิน ให้เลือกประเภทที่ซึมน้ำได้ดี

3. สภาพแวดล้อมของพื้นที่ (Environmental Conditions)

ควรคำนึงถึงสภาพแวดล้อมที่จะใช้งาน เช่น

  • สภาพดิน หากเป็นดินเหนียวหรือดินทราย อาจต้องใช้จีโอเท็กซ์ไทล์ที่มีคุณสมบัติการกรองที่แตกต่างกัน
  • ความทนทานต่อสารเคมี (Chemical Resistance) ในพื้นที่ที่มีสารเคมีในดิน เช่น ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม ควรเลือกวัสดุที่ทนต่อการกัดกร่อน
  • ความเสี่ยงจากรังสี UV หากจีโอเท็กซ์ไทล์จะสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ต้องเลือกชนิดที่ทนต่อรังสี UV

4. การออกแบบและการคำนวณทางวิศวกรรม (Engineering Design and Calculations)

  • ความหนาแน่นของเส้นใย (Fabric Density) พิจารณาว่าจีโอเท็กซ์ไทล์มีความหนาแน่นและความสม่ำเสมอเพียงพอต่อการรับแรงและกรองอนุภาคดินหรือไม่
  • อัตราการไหลของน้ำ (Flow Rate) ตรวจสอบว่าวัสดุสามารถระบายน้ำได้เพียงพอสำหรับงาน เช่น งานระบายน้ำจากดิน
  • ระยะเวลาใช้งาน (Service Life) หากต้องการใช้งานระยะยาว ควรเลือกประเภทที่ทนทานและมีการรับรองคุณภาพ

5. งบประมาณและความคุ้มค่า (Cost vs. Performance)

  • ควรเลือกวัสดุที่ตอบโจทย์ทั้งด้านราคาและคุณภาพ ไม่จำเป็นต้องเลือกวัสดุที่แพงที่สุด แต่ควรมั่นใจว่าสามารถรองรับการใช้งานได้จริง

6. มาตรฐานและการรับรองคุณภาพ (Standards and Certifications)

  • ตรวจสอบว่าจีโอเท็กซ์ไทล์ที่เลือกมีการรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น ASTM, ISO, หรือ EN Standards
  • พิจารณาผู้ผลิตหรือซัพพลายเออร์ที่มีชื่อเสียงและผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการ

7. การติดตั้งและการดูแลรักษา (Installation and Maintenance)

  • การติดตั้งควรทำโดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายระหว่างการติดตั้ง
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีคำแนะนำในการติดตั้งที่ถูกต้อง เช่น การจัดวางจีโอเท็กซ์ไทล์ให้เรียบและปราศจากรอยยับ

การใช้งานจีโอเท็กซ์ไทล์ในงานก่อสร้าง

  • งานก่อสร้างถนนและรางรถไฟ
  • งานสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ
  • การป้องกันการกัดเซาะของชายฝั่งและตลิ่ง
  • การทำระบบระบายน้ำในพื้นที่เปียกชื้น
  • การปรับปรุงดินเพื่อรองรับโครงสร้างหนัก

ข้อดีของจีโอเท็กซ์ไทล์

  • ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการก่อสร้าง
  • ทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว
  • ช่วยแก้ปัญหาดินอ่อนและการทรุดตัวของโครงสร้าง
  • ใช้งานได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูง

สรุป

การเลือกจีโอเท็กซ์ไทล์ที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโครงการ และลดต้นทุนในระยะยาวโดยหลีกเลี่ยงปัญหาการชำรุดหรือการเสื่อมสภาพก่อนเวลา

หากต้องการวัสดุที่เหมาะสมสำหรับงานของคุณ  ดูผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อ Loxcons ได้ที่

Email: [email protected]
Phone: (66) 085-360-0480
Line OA: @Loxcons

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save
Social media & sharing icons powered by UltimatelySocial